เตือนเฝ้าระวัง โมมิครอนสายพันธุ์ BA.4-BA.5 เสี่ยงลงปอดง่ายขึ้น ในไทยมีคนติดแล้ว

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รามาธิบดี ให้ข้อมูลการระบาดโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 ที่สร้างความกังวลไปทั่วโลก โดยพบว่า BA.4 มีการกลายพันธุ์ต่างไปสายพันธุ์ดั้งเดิมประมาณ 80 ตำแหน่ง ส่วน BA.5 พบการกลายพันธุ์ต่างไปสายพันธุ์ดั้งเดิมอู่ฮั่นมากที่สุดประมาณ เกือบ 90 ตำแหน่ง ซึ่งมีการกลายพันธุ์บริเวณหนาม เพื่อให้เข้าจับกับเซลล์ปอดของมนุษย์ได้ดีขึ้น เหมือนกับสายพันธุ์เดลต้าที่เคยระบาดและมีอาการติดเชื้อที่รุนแรงในอดีต

โดยเฉพาะบริเวณหนาม ตำแหน่ง L452R ที่เปลี่ยนแปลงไปสามารถเป็นตัวเชื่อมให้ผนังของหลายเซลล์หลอมรวมเป็นเซลล์เดียว ดึงดูดให้ระบบภูมิคุ้มกันของผู้ติดเชื้อเข้ามาทำลายเกิดการอักเสบ (ของปอด) ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตได้ ต่างจากโอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม BA.1 และ BA.2 ซึ่งไม่พบการกลายพันธุ์ในบริเวณดังกล่าว เชื้อ “BA.4/BA.5” ยังสามารถเพิ่มจำนวนได้ดีในเซลล์ปอด อันอาจจะก่อให้เกิดการติดเชื้อปอดอักเสบขึ้นได้ในมนุษย์ ซึ่งต่างไปจากโอไมครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม BA.1/BA.2 ซึ่งเพิ่มจำนวนได้ดีในเซลล์ของเยื่อบุระบบทางเดินหายใจส่วนบน ไม่ลงมาแพร่ติดต่อในระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง เช่น ที่ปอด

ซึ่งก่อนหน้านี้ มีผลการทดลองในสัตว์ที่ติดเชื้อ “BA.4/BA.5 พบว่าปอดมีเชื้อไวรัสที่เพิ่มขึ้น ขณะที่นักวิทยาศาสตร์พบว่า โควิดกลายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 ที่แพร่เร็วกว่า BA.2 (เชื้อปัจจุบัน) ยังสามารถหลบภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการติดเชื้อ โควิดโอมิครอนได้ ดังนั้นผู้ติดเชื้อก่อนหน้านี้ ก็จะติดเชื้อซ้ำได้อีก แม้จะฉีดวัคซีน และ เชื้อที่ลงปอด มากกว่าไวรัส BA.1 และ BA.2 ผู้ติดเชื้อจึงอันตรายโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง

อาการเบื้องต้นที่พบ ของผู้ป่วยที่ติดเชื้อ “BA.4/BA.5 พบว่า จะมีอาการสูญเสียการรับกลิ่น และรสชาติ รวมทั้ง คลื่นไส้, อาเจียน, ท้องร่วง และจะป่วยนานกว่าการติดเชื้อ BA.1 และ BA.2 แต่พบว่าผู้ที่ฉีดวัคซีน 3 เข็ม จะมีอาการเล็กน้อย คือมีไข้ 1 วัน และอาการค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ

มีรายงานว่า โปรตุเกส กำลังเผชิญกับระบาดของโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 ระลอกใหม่สูงเป็นอันดับที่สองของโลก -ข้อมูลเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.65 จำนวนผู้ติดเชื้อต่อล้านคนมีค่าเฉลี่ย 7 วันอยู่ที่ 2,043 คน ซึ่งเป็นอัตราผู้ป่วยรายใหม่สูงเป็นอันดับสองของโลก แม้ว่าจะลดลงบ้างจากระดับสูงสุดเมื่อต้นเดือนมิ.ย.65 ที่ระดับ 2,878 คน และมีผู้เสียเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ คือ 178 ราย ส่วนประเทศไทยพบติดเชื้อแล้ว 81 ราย

ที่มา:siamstreet.com

About clickdoo24

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *