1.ไม่เหยียบคลัทช์ค้างไว้ขณะจอดติดไฟแดง
แม้ว่าผู้ที่ขับรถเกียร์ธรรมดาส่วนใหญ่จะใส่เกียร์ว่างขณะรถจอดติดไฟแดง
เพราะไม่อยากเหยียบคลัทช์ให้เมื่อยขา แต่บางคนก็เลือกที่จะเข้าเกียร์พร้อมกับเหยียบคลัทช์ค้างเอาไว้ในบางโอกาส
เนื่องจากต้องการความรวดเร็วในการออกตัว แต่การเหยียบคลัทช์ค้างไว้
จะทำให้ลูกปืนคลัชท์เสื่อมสภาพเร็วยิ่งขึ้น ทางที่ดีจึงควรใส่เกียร์ว่างทุกครั้งเมื่อรถหยุด
2.ใช้เกียร์สูงขณะที่ความเร็วต่ำ
ไม่ควรใช้เกียร์สูงในขณะขับขี่ที่ความเร็วต่ำ(ยกตัวอย่างเช่น ใช้เกียร์ 5 ขณะขับขี่ด้วยความเร็วต่ำเพียง 40 กม./ชม.)
โดยเฉพาะการเหยียบคันเร่งจมมิด เพราะจะเป็นการฉุดกำลังเครื่องยนต์เร่งไม่ขึ้น
อีกทั้งยังเปลืองน้ำมันโดยใช่เหตุอีกด้วย ทางที่ดีควรใช้ตำแหน่งเกียร์ที่เหมาะสมในแต่ละย่านความเร็ว
3.ไม่ควรวางมือไว้บนคันเกียร์
หลายคนมักใช้คันเกียร์เป็นที่พักมือ(ทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์ออโต้)
ซึ่งในกรณีเกียร์ออโต้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใดแต่สำหรับเกียร์ธรรมดานั้น
หากกดน้ำหนักมือมากจนเกินไป จะสร้างแรงกดไปยังก้ามปูเกียร์ ซึ่งอาจทำให้เกิดการหลวมจนเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควรจะเป็นได้
4.ไม่เร่งเครื่องขณะจอดติดทางชัน
หากรถจอดติดทางชัน ไม่ควรใช้วิธีเร่งเครื่องเพื่อป้องกันรถไหล เพราะอาจทำให้คลัทช์ไหม้ได้
ทางที่ดีควรเหยียบเบรก ปลดเกียร์ว่าง แล้วจึงดึงเบรกมือค้างไว้
หากกลัวว่ารถจะไหลไปข้างหลังขณะออกตัว ให้ใช้วิธีดึงเบรกมือจนสุด เร่งเครื่องยนต์ตามปกติ
จากนั้นจึงปลดเบรกมือลง จะช่วยให้รถไม่ไหลลงทางชัน
แต่ทางที่ดีควรฝึกขับเกียร์ธรรมดาให้คุ้นชิน เพื่อจะได้กะระยะปล่อยคลัทช์ได้อย่างแม่นยำ
5.ไม่วางเท้าบนแป้นคลัทช์
เป็นข้อห้ามสุดคลาสสิกสำหรับรถเกียร์ธรรมดาเลยก็ว่าได้
เพราะการวางเท้าบนแป้นคลัทช์ด้วยน้ำหนักมากจนเกินไป
จะทำให้ชุดคลัทช์เกิดการเสียดสีจนทำให้คลัทช์หมดได้ บางกรณีอาจทำให้เกิดอาการคลัทช์ไหม้ได้อีกด้วย
หากรู้วิธีขับรถเกียร์ธรรมดาอย่างถูกต้องแล้วล่ะก็
จะช่วยยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานขึ้น จนผู้ที่ขับรถเกียร์อัตโนมัติต้องอิจฉาแน่นอน